บริการรับซื้อเครื่องเสียง Marshall รับซื้อโฮมเธียเตอร์ Marshall บริการถึงหน้าบ้าน ตีราคาฟรี ไม่ช้า ให้คำตอบในไม่กี่นาที เพียงแค่ add line หาเรา เราพร้อม ไปรับถึงบ้าน และจ่ายเงินสดทันที line : @buyall หรือโทรหาเรา 091-1206831
รับซื้อเครื่องเสียง Marshall | รับซื้อโฮมเธียเตอร์ Marshall
การที่คุณจะขาย เครื่องเสียง Marshall หรือหาคน รับซื้อเครื่องเสียง Marshall รับซื้อโฮมเธียเตอร์ Marshall ไม่ยาก ไม่ว่าอยู่จังหวัดไหน เราพร้อมไปถึงที่ เพียง line id มาที่ @buyall
…หรือหากยังไม่ต้องการขาย:
นอกจาก รับซื้อเครื่องเสียง Marshall รับซื้อโฮมเธียเตอร์ Marshall แล้ว เรายัง รับจำนำเครื่องเสียง Marshall รับจำนำโฮมเธียเตอร์ Marshall หรือ ขายฝากเครื่องเสียง Marshall ขายฝากโฮมเธียเตอร์ Marshall อัตราค่าบริการที่ต่ำที่สุด สนใจติดต่อ line @buyall
จุดเริ่มต้นของ Marshall ก่อนกลายเป็นแอมป์ระดับโลก
เมื่อเอ่ยถึงแอมป์ Marshall หรืออุปกรณ์ดนตรียี่ห้อนี้แล้วไม่พูดถึงบุคคลผู้บุกเบิกอย่าง Jim Marshall คงผิดมาก ๆ โดยต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคทศวรรษ 60 เขาเปิดร้านขายเครื่องดนตรีอยู่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ กับภรรยา Violet เเละลูกชาย Terry ด้วยเงินเก็บน้ำพักน้ำแรงของตนเองจากการเล่นดนตรี และเป็นครูสอนกลองซึ่งทำรายได้ให้เจ้าตัวอย่างดีมาก ๆ
โดยร้านของ Jim ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับ เดอะ อีลลิ่ง คลับ ที่ยุคนั้นมักมีนักดนตรีชอบไปโชว์เทพกันเยอะมาก และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นลูกศิษย์กลองของเขาเอง ทำให้เวลานักดนตรีมีคิวต้องไปปล่อยของก็ชอบไปพูดคุยเรื่องดนตรีกันที่ร้านของเขาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นมือกลอง หรือมือกีตาร์ก็ตาม
พัฒนาแอมป์คุณภาพสูง สู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำ
หลังเริ่มนำเอากีตาร์และแอมป์มาขายที่ร้าน Jim ได้รู้จักกับ Ken Bran นักดนตรีของวง Peppy and the New York ซึ่งเจ้าตัวเองมีความรู้ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า จึงมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน กระทั่งปี 1962 หลังจาก Ken ออกจากวง Jim จึงชวนให้เขามาทำงานด้าน Service Engineer กับทางร้าน และ Ken จึงได้จุดประกายความคิดในการสร้างแอมป์กีตาร์
เขาพูดทำนองว่ามันเป็นเรื่องโง่เง่ามาก ๆ ที่เอาแต่ซื้อแอมป์มาขายแทนที่จะผลิตเอง กลายเป็นจุดที่ทำให้ Jim เเละห Ken ลองผลิตขึ้นมา และเขาก็ฟังเสียงที่ออกจากอุปกรณ์ดังกล่าว พร้อมได้พูดคุยถึงปัญหาที่นักดนตรียุคนั้นต้องพบเจอในการใช้แอมป์ Fender เพราะเสียงมันใส และสะอาดเกินไป ชาวร็อกต้องการความต่าง
นี่จึงกลายเป็นสิ่งที่เขาพยายามพัฒนาให้แอมป์ Marshall เกิดความแตกต่างจากยี่ห้ออื่นมากที่สุด อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยอมรับว่าช่วงแรก ๆ เขาเองก็ใช้แอมป์ Fender เป็นต้นแบบอยู่เหมือนกันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเอง
แอมป์ตัวแรกที่ถูกผลิตขึ้นเป็นทางการมีชื่อว่า Marshall JTM 45 ด้วยคุณภาพที่สร้างสรรค์เพื่อชาวร็อกจึงไม่แปลกที่ยอดขายจะถล่มทลาย นักดนตรีร็อกชื่อดังในยุคนั้นต่างเลือกใช้แอมป์ของเขา ด้วยจุดเด่นสำคัญคือเน้นเสียงดัง เสียงแตก ไม่เน้นความเรียบง่าย แต่ต้อง “คำราม” ให้กึกก้อง
นับแต่นั้นชาวร็อกทั้งหลายจึงยกให้แอมป์ของ Marshall คือขวัญใจที่ใครก็ไม่มีวันพรากจากพวกเขาไปได้เป็นอันขาด และยังคงมีการพัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์นักดนตรีเรื่อยมา
วงการ ดนตรีและแฟชั่น เครื่องแต่งกาย เป็นสองสิ่งที่มีคาแรคเตอร์และจุดเด่นในแต่ละยุคสมัยอย่างชัดเจน และในบางยุคก็หลอมรวมไปในทิศทางเดียวกัน หากพูดถึงยุคทองของดนตรีช่วง 60s หลายคนคงนึกถึง The Beatles ขึ้นมาเป็นชื่อแรก วงดนตรีจากอังกฤษที่บุกตลาดเพลงของอเมริกา (British Invasion) ได้สำเร็จ และในช่วงปลายของยุค 60 อีกหนึ่งวงร็อคที่รับความนิยมสูง คือ Led Zeppelin เป็นวงร็อคพันธุ์แท้ เน้นโชว์ฝีมือของสมาชิกทุกคนที่ถือเป็น “นักดนตรีระดับเทพ” ถัดจากนั้นก็เป็นยุคสมัยของวง Queens กับความวิเศษอัศจรรย์ของ Freddie Mercury ในตำแหน่งนักร้องนำ
ว่ากันว่าสุดยอดมือกีตาร์ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกดนตรีล้วนอยู่ในช่วงยุค 60s – 70s นี่แหละครับ ทั้ง Jimi Hendrix (จิมี เฮนดริกซ์) หนึ่งในมือกีตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อค เฮนดริกซ์นำแนว Blues มาผสมกับร็อคได้อย่างลงตัว เสียงจากกีตาร์ไฟฟ้าและการเล่นกีตาร์ฝั่งซ้ายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา, Eric Clapton (เอริค แคล็ปตัน) เจ้าของฉายา Slowhand และ Jeff Beck (เจฟฟ์ เบ็ค) เจ้าของลีลาโซโล่กีตาร์ที่ใคร ๆ ก็บอกว่าเขาทำให้กีตาร์ “พูดได้”
สไตล์แนวดนตรี พรสวรรค์รวมถึงพรแสวง การมีอารมณ์ร่วมขณะทำการแสดงของแต่ละคนได้เป็นตัวพิสูจน์ความสามารถให้พวกเขากลายเป็นตำนาน
การที่แฟนเพลงจะอินและได้ดื่มด่ำกับเสียงดนตรีได้อย่างลึกซึ้งนั้น ต้องมีเครื่องเสียงที่ดีเป็นตัวช่วย การแสดงจึงจะออกมาสมบูรณ์แบบ จุดร่วมที่น่าสนใจอ คือ นักดนตรีในตำนานอย่างมือกีตาร์ที่เรากล่าวถึงนั้น ล้วนเลือกใช้เครื่องขยายเสียง (amplifier) ของ Marshall (มาร์แชลล์) ทั้งสิ้น
เดิมทีแอมป์กีตาร์ที่วงดนตรีใช้ ณ ขณะนั้น จะมีโทนเสียงออกมาแบบเสียงใส สะอาด (Clean) และความดังไม่ดังมากจนเกินไปนัก แต่เมื่อแอมป์ตัวแรกจาก Marshall ถูกผลิตออกมา Marshall JTM 45 มีโทนเสียงที่แตกต่างออกมาในสไตล์เสียงแตก (Distortion) มีความหนาและหนัก ระดับเสียงที่ดังขึ้นมาก กลายเป็นเอกลักษณ์ของแอมป์ Marshall จนได้รับความนิยมไปทั่วโลกวงดนตรีร็อค ไม่ว่าจะจากการได้ยินชื่อเสียงแบบปากต่อปากหรือเห็นศิลปินที่มีชื่อเสียงใช้จนต้องไปหาซื้อก็ตาม
ชื่อแบรนด์ Marshall มาจากนามสกุลของ Jim Marshall (จิม มาร์แชลล์) ผู้ให้กำเนิดเครื่องขยายเสียงระดับตำนาน เจ้าของแบรนด์เครื่องเสียง Marshall นั่นเองครับ เขาค้นพบว่าตนเองหลงใหลไปกับโลกของดนตรี ในขณะที่เรียน Tap Dancing สมัยเด็ก
มาร์แชลล์เป็นปรมาจารย์ด้านการตีกลองระดับโปรในช่วงยุค 50s เขาสอนนักเรียนราว 65 คนต่อสัปดาห์ และในจำนวนนักเรียนเหล่านั้นมี Mitch Michell (มิตช์ มิเชลล์) มือกลองร่วมวงกับจิมี่ เฮนดริกซ์, Micky Waller (มิคกี้ วอลเตอร์) มือกลองที่เป็นสมาชิกของวงร็อคสัญชาติอังกฤษที่มีชื่อหลายวง